"ดำดุจปีศาจ ร้อนดั่งนรก
บริสุทธิ์เช่นทูตสวรรค์ หวานปานความรัก"
จาก ชาร์ลส์ โมริซ เดอ ตัลยีรองด์
กาแฟ มีถิ่นกำเนิดในเอธิโอเปีย ทวีปแอฟริกา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1000 โดยเด็กเลี้ยงแกะจากคาฟฟา สังเกตเห็นฝูงแกะของตนมักจะมีอาการคึกคักหลังจากกิน ผลเชอรี่สีแดงเม็ดเล็กๆ ชนิดหนึ่งเข้าไป วันหนึ่งด้วยความสงสัย เค้าจึงเฝ้าสังเกตดู และทดลองกินดูบ้าง หลังจากนั้นเค้ารู้สึกสดชื่นคึกคักไม่ต่างอะไรกับแกะของเค้า ต่อมาเค้าได้นำผลเชอรี่สีแดงนี้ไปให้บาทหลวงผู้หนึ่งทดลองลิ้มรสดูบ้าง ผลทำให้บาทหลวงผู้นั้นรู้สึกสดชื่น ไม่ง่วงนอนขณะสวดมนต์ ต่อมาท่านบาทหลวงจึงทดลองนำผลเชอรี่สีแดงนี้ไปแช่ในน้ำแล้วดื่มกิน จนเป็นที่นิยมไปทั่ว หลังจากจากผลเชอรี่สีแดงก็ถูกเรียกชื่อว่า เมล็ดกาแฟ
ยุคแรกต้นกาแฟมีปลูกอยู่ที่เอธิโอเปียก่อนที่จะแพร่ไปยังอาระเบีย จะปลูกกาแฟไว้เพื่อเลี้ยงสัตว์ แต่กาแฟถูกนำมาเป็นเครื่องดื่มอย่างจริงจังโดยชาวเติร์ก มีการผสมเครื่องเทศ สมุนไพรเข้าไปด้วย หลังจากนั้นเมล็ดกาแฟก็ลูกลักลอบไปปลูกยังพื้นที่อื่นๆ จนเป็นนิยมไปทั่ว ถึงแม้ว่าจะมีกลุ่มคนบางส่วนคัดค้าน ต่อต้าน และเรียก เครื่องดื่มกาแฟว่าเป็น "เครื่องดื่มแห่งปีศาจ" ขัดต่อหลักศาสนา ใครที่ดื่มกินจะเป็นพวกมาร พวกปีศาจ พวกนอกรีด จนกระทั้ง โป๊ปวินเซนต์ที่ 3 ทรงตัดสินพระทัยที่จะทดลองดื่มกาแฟดูบ้าง พระองค์จึงได้ค้นพบกับความมหัศจรรย์ในรสชาดความอร่อยอย่างลึกล้ำของกาแฟ จากนั้นเป็นต้นมาเครื่องดื่มกาแฟ จึงเป็นที่ยอมรับ และแพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะที่อิตาลี มีการคิดค้นเครื่องชงกาแฟเครื่องแรกของโลกขึ้นมา เกิดร่านขายกาแฟไปทั่วทุกมุมเมือง และทั่วโลกในเวลาต่อมา
กาแฟเป็นพืชที่ปลูกกันแพร่หลายในเขตร้อนชื้นต่างๆ ทั่วโลก และในศตวรรษที่ 17-18 กาแฟได้แพร่หลายเข้ามาในประเทศเถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอินเดียตะวันตกเป็นครั้งแรก ส่วนในประเทศไทยก็มีการปลูกกาแฟด้วยเช่นกัน โดยไทยสามารถปลูกกาแฟได้เป็นอันดับที่ 3 ของภูมิภาคแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากประเทศอินโดนีเซีย และประเทศเวียดนาม สายพันธุ์ของกาแฟ ส่วนใหญ่แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กาแฟพันธุ์อราบิก้า และกาแฟพันธุ์โรบัสต้า ซึ่งกาแฟทั้งสองพันธุ์นี้ ก็มีปลูกในประเทศไทยด้วย พันธุ์โรบัสต้าปลูกกันมากทางภาคใต้ของประเทศ ส่วนพันธุ์อราบิก้าปลูกกันมากทางภาคเหนือของประเทศ
เมล็ดกาแฟ แบ่งตามสายพันธุ์กาแฟที่ปลูก และที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปแบ่งได้ 4 ชนิด 1.อาราบิก้า (C. arabica,) มีกลิ่น และรสชาติดีกว่า 2.โรบัสต้า หรือคานีโฟร่า (C.canephora ver. robusta,)มีสารคาเฟอีนมากกว่า และรสออกเปรี้ยวนิดๆ รสกระด้างมากกว่าอาราบิก้า 3.เอ็กเซลซ่า (C.excelsa or C.liberica ver. dewevrei) ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมปลูก รสชาติแย่ ไม่เป็นที่ยอมรับ 4.ลิเบอริกา (C.liberica or C.liberica ver liberica)
พันธุ์กาแฟ มีกว่า 50 พันธุ์ทั่วโลก แต่มีอยู่ 2 พันธุ์หลักที่เป็นที่รู้จักกัน คือ
กาแฟพันธุ์โรบัสต้า ปลูกกันมากทางภาคใต้ของประเทศไทย ดโยเฉพาะในจังหวัดสุราษฎร์ธานี , ชุมพร , ระนอง , นครศรีธรรมราช , พังงา และกระบี่ จะปลูกกาแฟพันธุ์นี้กันมาก
 |
กาแฟพันธุ์โรบัสต้า เจริญเติบโตได้ดีในแถบบริเวณที่ราบต่ำ สามารถเพาะปลูกได้ง่าย มีความต้านทานต่อการติดเชื้อโรคได้สูง สามารถทนต่ออุณหภูมิ และความชื้นที่สูงได้ดี ได้ผลผลิตเมล็ดกาแฟมาก และผลของมันยังสุกเร็วกว่ากาแฟพันธุ์อราบิก้าด้วย แต่มีคุณภาพ รสเข้มขม และราคาต่ำกว่ากาแฟพันธ์อราบิก้าด้วย ส่วนใหญ่จะนิยมนำกาแฟพันธุ์นี้มาผลิตทำกาแฟผงสำเร็จรูป | |
กาแฟพันธุ์อราบิก้า ปลูกกันมากทางภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่ , เชียงราย , ลำปาง , แม่ฮ่องสอน และตาก
|
กาแฟพันธุ์อราบิก้า เจริญเติบโตได้ดีในแถบบริเวณที่ราบสูงประมาณ 800-1,500 เมตร ที่ความสูงระดับนี้มีผลใทห้กาแฟเจริญเติบโตได้ช้า ซึ่งมีผลทำให้ผลผลิตเมล็ดกาแฟได้น้อย แต่มีรสชาดที่ดีเยี่ยมนุ่มกลมกล่อม กลิ่นหอมคล้ายกลิ่นอโรมา หรือกลิ่นฟาวเวอร์ ทำให้กาแฟพันธุ์นี้มีราคาแพงกว่ากาแฟพันธุ์โรบัสต้า ส่วนใหญ่นิยมนำมาผลิตทำเป็นกาแฟสด
| |
ลักษณะเด่นของกาแฟ มีอยู่ 4 ประการ คือ
1.กลิ่นหอมฟุ้ง (Aroma)
2.บอดี้น้ำหนักมวลรวมของเมล็ด (Body)
3.แอซิดิตี้ กรดรสเปรี้ยวที่ทำให้ซาบซ่าน กระชุ่มกระชวย (Acidity)
4.เฟลเวอร์ รสชาดที่เด่นเป็นเอกลักษณ์ (Flavor) |
การคั่วเมล็ดกาแฟ มี 3 ระดับ
1. Light Roast (Cinnamon Roast) คั่วแบบอ่อนสุดๆ สีออกน้ำตาลอ่อนคล้ายสีของอบเชย
2. Medium Roast (City Roast or Full City Roast) คั่วแบบปานกลาง รสเข้มข้น ออกรสหวานนิดหน่อย คั่วนาน 11-15 นาที
3. Dark Roast (Espresso Roast or Italian Roast) คั่วแบบไหม้เกียมจนดำ รสเข้มข้นมาก กลิ่นควันไหม้ คั่วนาน 16-18 นาที ทำให้ปริมาณกาเฟอีน และความเป็นกรดลดลงมาก |