แก้วเป็นดั่งเสื้อผ้าเครื่องดื่ม

เครื่องแก้ว Glass Ware

ควรเลือกแก้วให้เหมาะสมกับชนิดของค็อกเทล เปรียบแก้วเป็นเสมือนเสื้อผ้าของค็อกเทล

เราควรรู้จักรูปทรง ขนาด และวิธีใช้งานของแก้วแต่ละแบบ กลุ่มแก้วจัดแบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่มใหญ่ คือ

Tumbler Glass กลุ่มแก้วทรงกระบอก

Shot Glass แก้วช็อท มีขนาด 2-3 ออนซ์ มีหลากหลายรูปทรง ความสูงประมาณ 5-8 ซม. นิยมใช้ใส่เหล้าเสิร์ฟเป็นช็อทๆ หรือไว้ใส่สูตรเหล้าเลเยอร์ ในสไตล์ Shooter ควรเลือกแก้วช็อท ที่ทนความร้อนได้จะดีกว่า เผื่อไว้ใช้กับสูตรจุดไฟ และก้นควรหนาไว้ทำสูตร Popper หรือสูตร Bomb จะช่วยป้องกันแก้วแตกได้ง่าย

 

Short Drink Glass แก้วช๊อตดริ้งส์ หรือบางทีก็เรียกว่า Side Water Glass แก้วไซด์วอเตอร์ มีขนาด 5-6 ออนซ์ เป็นแก้วทรงเตี้ย ผอมจับกำพอดีมือ ก้นหนานิดหน่อย ความสูงประมาณ 8 ซม. นิยมใช้ใส่น้ำดื่ม

 

Old Fashioned Glass แก้วโอลด์ แฟชั่น มีขนาด 8-10 ออนซ์ เป็นแก้วทรงกระบอกเรียบ ก้นหนา อ้วนจับเต็มมือ ความสูงประมาณ 9-10 ซม. นิยมใช้ใส่เหล้าวิสกี้ ดื่มกินเพียว หรือใส่เหล้าวิสกี้พร้อมกับน้ำแข็ง 1-2 ก้อน

Rock Glass แก้วร็อค มีขนาด 8-10 ออนซ์ เป็นแก้วทรงเตี้ย หนามีลายข้างแก้ว ก้นหนา อ้วนจับเต็มมือ ความสูงประมาณ 9-10 ซม. นิยมใช้ใส่สูตรพวก On The Rock หรือสูตรที่ใช้วิธีบดขยี้ Muddling ในแก้ว หรือใส่น้ำแข็ง 1-2 ก้อนผสมเหล้า 1ตัว ที่เรียกว่า One Liquor on Ice หรือผสมเหล้า 2 ตัว เรียกว่า Two Liquor on Ice

Highball Glass แก้วไฮท์บอล หรือบางทีก็เขียนว่า Hi-Ball Glass มีขนาด 8-10 ออนซ์ เป็นแก้วทรงผอมจับกำพอดีมือ ก้นหนานิดหน่อย ความสูงประมาณ 10-12 ซม. นิยมใช้ใส่เหล้าชงผสมกับ Soft Drink ต่างๆ หรือสูตรค็อกเทลพวกตระกูล Highballs และ Fizzes หรือใช้ได้ทุกรูปแบบ จนเรียกเป็น Universal Glass ก็ว่าได้

 

Long Drink Glass แก้วลองดริ้งส์ หรือบางทีก็เรียกว่า Sinny Glass แก้วซินนี่ มีขนาด 10-12 ออนซ์ เป็นแก้วทรงเรียบสูงจับกำพอดีมือ ความสูงประมาณ 13-16 ซม. นิยมใช้ใส่ค็อกเทลสูตรยอดนิยมหลายสูตรที่ใส่น้ำแข็งด้วย

 

Collins Glass แก้วคลอลินส์ มีขนาด 12-16 ออนซ์ เป็นแก้วทรงสูง ขนาดใหญ่จับเต็มมือ มีลายข้างแก้ว หรือบางทีก็เป็นทรงเรียบๆ แต่จุดเด่น คือ ปากแก้วจะต้องกว้างกว่าก้นแก้วเสมอ ความสูงประมาณ 13-16 ซม. นิยมใช้ใส่สูตรค็อกเทลพวกตระกูล Collin’s

Boston Glass แก้วบอสตัน หรือบางทีก็เรียกว่า Pint Glass แก้วพินท์ มีขนาด 15-18 ออนซ์ เป็นแก้วทรงสูง ขนาดใหญ่จับเต็มมือ ทรงเฉียงเรียบไม่มีลายข้างแก้ว ปากแก้วจะกว้างกว่าก้นแก้ว ความสูงประมาณ 13-16 ซม. นิยมใช้คู่กับกระบอกสแตนเลส ที่เรียกว่า Boston Shakerในต่างประเทศแถบอเมริกาใต้ชอบใช้ใส่สูตรค็อกเทล Mojito

Pilsner Glass แก้วพริ้นซ์เนอร์ หรือบางทีก็เรียกว่า Hour Glass แก้วฮาวร์  มีขนาด 12-16 ออนซ์ เป็นแก้วทรงสูตรกลมปากแก้วบานออก ช่วยกระจายกลิ่นเบียร์ และช่วยเปิดฟองเบียร์ให้ผุดขึ้นมาดูน่าดื่มมากขึ้น นิยมใช้ใส่เบียร์ หรือสูตรค็อกเทลที่ผสมเบียร์

Cooler Glass แก้วคูลเลอร์ มีขนาด 14-16 ออนซ์ เป็นแก้วทรงสูตรกลมปากแก้วป่องแล้วงุ้มเข้า ช่วยกักกลิ่นเครื่องดื่ม นิยมใช้ใส่เบียร์พวกที่มีกลิ่นไม่แรง

Stemmed Glass กลุ่มแก้วมีก้าน

Martini Glass แก้วมาร์ตินี่  มีขนาด 4–8 ออนซ์ เป็นแก้วทรงสามเหลี่ยมลักษณะ V-Shape มีก้านยาวหยิบจับได้สะดวก เดิมทีจะมี 2 ขนาดหลักๆ คือ Single Martini ขนาด 2-3 ออนซ์ ใส่เหล้า 1-2 ชนิดผสมกัน และ Double Martini ขนาด 3-4 ออนซ์ ใส่เหล้า 2-3 ชนิดผสมกัน แต่ปัจจุบันแก้วมาร์ตินี่ มีหลายขนาด แล้วแต่จะเลือกใช้ เป็นแก้วที่นิยมใช้ใส่สูตรค็อกเทล พวก Martini และควรแช่แก้วให้เย็นก่อนนำมาใช้งาน วิธีแช่แก้วให้เย็นถ้าไม่มีตู้แช่แก้ว ใช้น้ำแข็งใส่พร้อมน้ำเปล่า หรือโซดาก็ได้ลงในแก้ว แช่ทิ้งไปก่อนจะใส่เครื่องดื่มที่ผสมมาใส่

Sour Glass แก้วซาวร์ มีขนาด 4–6 ออนซ์ เป็นแก้วที่มีลักษณะผอมแต่ไม่สูงมาก ก้านไม่ยาวมาก นิยมใช้ใส่เหล้าพอร์ท หรือสูตรค็อกเทลตระกูล Sour ที่ออกรสเปรี้ยวอมหวาน

 

Margarita Glass แก้วมาร์การิต้า มีขนาด 5-8 ออนซ์ เป็นที่มีปากกว้าง ก้นสองขยัก ก้านยาว นิยมทำขอบเกลือที่ปากแก้ว โดยใช้มะนาวปาดที่ขอบปากแก้ว แล้วไปคว่ำลงในจานที่มีเกลือโรยบางๆ ใช้กับสูตรค็อกเทลตระกูล Margarita

Cocktail Glass แก้วค็อกเทล มีขนาด 5-8 ออนซ์ ออกแบบมาเพื่อใช้ใส่ค็อกเทลเป็นหลัก ลักษณะแก้ว เป็นทรงครึ่งวงกลมตัด มีก้านยาว บางทีก็สามารถนำไปใช้แทนแก้วมาร์ตินี่ได้

Champagne Flute แก้วแชมเปญฟรุต หรือบางทีก็เรียกว่า Tulip Champagne Glass แก้วทิวลิปแชมเปญ มีขนาด 8-12 ออนซ์ แก้วทรงสูงเพรียวปากแคบ ช่วยลดการสัมผัสกับอากาศ รักษา และกักเก็บความซ่าส์ของก๊าซ และพรายฟองไว้ได้นานขึ้น ลักษณะตัวแก้วที่ยาว ช่วยให้มีระยะในการวิ่งขึ้นของฟองได้ยาวนานขึ้น ใช้ใส่แชมเปญ ที่เน้นพรายฟอง และตัวก้านจะยาว เพื่อให้หยิบจับที่ตัวก้าน แชมเปญ จะได้ไม่สูญเสียความเย็น ถ้านำไปใส่ค็อกเทล จะเน้นสูตรที่ผสมแชมเปญ หรือสปาร์คกลิ้งไวน์ลงไปด้วย จะเทรินแชมเปญ ใส่ในแก้วประมาณ 3 ใน 4 ของแก้วเท่านั้น

 

Coupette or Champagne Saucer Glass แก้วแชมเปญซอสเซอร์ มีขนาด 8-14 ออนซ์ ลักษณะแก้วปากกว้างใหญ่ก้านยาวทรงสูง ไม่เหมาะใส่แชมเปญ ที่เน้นฟอง เนื่องจากปากแก้วกว้าง พรายฟองจะหายไปเร็ว แต่เหมาะใส่แชมเปญ ที่ไม่เน้นความซ่าส์ของก๊าซ เพราะช่วยกระจายก๊าซระบายออกได้ดี เราจะเทรินแชมเปญ ใส่ในแก้วประมาณ 3 ใน 4 ของแก้วเท่านั้น หรือไว้เรียงแก้วซ้อนเป็นชั้นๆ คล้ายทรงพีระมิด ใช้วางตามงานแต่งงานกัน แล้วเทสปาร์คกลิ้งไวน์ให้ไหลรินลงมาทีละชั้นๆ เหมือนเป็นม่านน้ำตก

Wine Glass แก้วไวน์ แบ่งออกเป็น 4 ลักษณะ ตามชนิดของไวน์ จะช่วยกักกลิ่น ช่วยเพิ่มรส และกลิ่นที่ละมุนขึ้นของไวน์ชนิดนั้นๆ ได้แก่

  • Red Wine Glass แก้วไวน์แดง มีขนาด 8–10 ออนซ์ ตามทฤษฎี ตัวแก้วควรใส ขนาดใหญ่ปากกว้างกว่าตัวแก้วไวน์ขาว ช่วยให้ไวน์สัมผัสอากาศ เปิดกลิ่นที่ซับซ้อนให้หอมอบอวล และตัวก้านจะสั้นกว่าแก้วไวน์ขาว ไวน์แดงนิยมดื่มกินที่อุณหภูมิห้อง พร้อมกับอาหารจากเนื้อสัตว์ที่มีสีแดง เทรินไวน์แดงใส่แก้วประมาณ 1ใน 3 ของแก้วไวน์แดงเท่านั้น

  • White Wine Glass แก้วไวน์ขาว มีขนาด 7-9 ออนซ์ ตามทฤษฎี ตัวแก้วควรเล็กสูงเพรียวกว่าตัวแก้วไวน์แดง และก้านยาวกว่าแก้วไวน์แดง ช่วยทำให้กลิ่นของไวน์ขาวหอมคลุ้งมาตามตัวแก้วส่งไปยังโคนลิ้น เพิ่มรสสัมผัสที่หนาแน่นขึ้น และยังช่วยรักษาความเย็นด้วย ไวน์ขาวนิยมดื่มกินแบบแช่เย็น พร้อมกับอาหารทะเลหรือจากเนื้อสัตว์ที่มีสีขาว เช่น ปลา เทรินไวน์ขาวใส่แก้วประมาณ 1ใน 2 ของแก้วไวน์ขาวเท่านั้น

  • Bordeaux Glass แก้วไวน์บอร์โดซ์ มีขนาด 15-20 ออนซ์ ใช้ใส่ไวน์แดงจากแคว้นบอร์โดซ์ เทรินไวน์แดงบอร์โดซ์ ใส่แก้วประมาณ 1 ใน 3 ของแก้ว พื้นที่ที่เหลือในแก้วเพื่อให้ไวน์สัมผัสกับอากาศ เป็นการปลุกกลิ่นไวน์ให้หอมอบอวล

  • Burgundy Glassแก้วไวน์เบอร์กันดี มีขนาด 15-20 ออนซ์ ใช้ใส่ไวน์แดงจากแคว้นเบอร์กันดี แก้วทรงกลมโอบอุ้ม กักกลิ่นให้หอมอบอวลในแก้วให้นานที่สุด เทรินไวน์แดงบอร์โดซ์ ใส่แก้วประมาณ 1ใน 3 ของแก้ว

 

Sherry Glass แก้วแชร์รี่ หรือบางทีก็เรียกว่าCopita Glass แก้วโคปิต้า ตามแบบฉบับดั้งเดิมของสเปนมีขนาด 4-6 ออนซ์ นิยมใช้ใส่เหล้าไวน์แชร์รี่ Sherry Wine

 

Absinthe Glass แก้วแอปซินท์ มีขนาด 6-10 ออนซ์ มีแบบก้านสั้นด้วย ไว้ใส่เหล้าแอปซินท์ Absinthe ผสมน้ำตาลทรายก้อน และน้ำเปล่า

Nick&Nora Glass แก้วนิคแอนด์โนร่า มีขนาด 4-6 ออนซ์ ลักษณะโค้งกึ่งตัววี เกือบจะคล้ายแก้วมาร์ตินี่ นิยมแช่แก้วให้เย็นก่อนนำมาใช้งาน

Goblet Glass แก้วก๊อบเล็ท มีขนาด 10-12 ออนซ์ ลักษณะคล้ายแก้วไวน์แต่ปากกว้าง ใช้ใส่ค็อกเทล แต่ถ้าแบบก้านสั้นนิยมใส่น้ำดื่ม

Poco Grande Glass แก้วโพโคแกรนด์ หรือบางทีก็เรียกว่า Pina Colada Glass แก้วพิน่า โคลาด้า มีขนาด 14 ออนซ์ นิยมใช้ใส่ค็อกเทลสูตรปั่น หรือใสค็อกเทลสูตรยอดฮิต Pina Colada

Liqueur Glass แก้วลิเคียวร์ หรือบางทีก็เรียกว่า Cordial Glass แก้วคลอเดี้ยน มีขนาด 1.5-2 ออนซ์ เป็นแก้วขนาดเล็ก ปัจจุบันอาจจะเป็นทรงคล้ายแก้วไวน์ แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก นิยมใช้ใส่เหล้าหวาน Liqueur ดื่มเพียวแบบ Straight-Up ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ หรือไว้ใส่สูตรค็อกเทลพวก Layer ที่ทำเหล้าเป็นชั้นๆ

Footed Glass กลุ่มแก้วมีฐานรองหรือแก้วเชิง

Sling Glass แก้วสลิง หรือบางทีก็เรียกว่า Pilsner Glassแก้วพริ้นซ์เนอร์ มีขนาด 10-12 ออนซ์ เป็นแก้วเฉียงมีฐานรองรับ สูงยาว ใช้ใส่เบียร์ หรือใช้ใส่ค็อกเทลสูตร Singapore Sling และ Long Island Iced Tea

 

Brandy Glass แก้วบรั่นดี หรือSnifter Glass แก้วสนีฟเตอร์ หรือBalloon แก้วบอลลูน มีขนาด 10-12 ออนซ์ ใช้ใส่เหล้าบรั่นดี ดื่มเพียวๆ ตัวแก้วออกแบบมาให้หยิบจับเต็มอุ้มมือ เพื่อช่วยเพิ่มความร้อนจากฝ่ามือผ่านเข้าไปยังตัวแก้วให้อุ่นขึ้น จะช่วยทำให้รสเหล้าเพิ่มกลิ่นหอมละมุน

Tip ปริมาณเหมาะสมในการใส่เหล้าบรั่นดี คือให้นอนแก้วแล้วเทเหล้าบรั่นดีใส่จนปริ่มขอบ พอยกตั้งกลับขึ้นมา นั่นคือปริมาณที่เหมาะสม

Hurricane Glass แก้วเฮอร์ริเคน มีขนาด 18-22 ออนซ์ นิยมใช้ใส่น้ำผลไม้ หรือใส่ค็อกเทลสูตรปั่น หรือค็อกเทลสูตร Hurricane หรือ Zombie


Mug กลุ่มแก้วมีหูจับ

Beer Mug แก้วเบียร์ มีขนาด 10-16 ออนซ์ ก้นหนา ตัวแก้วหนา มีหูจับ นิยมใช้ใส่เบียร์ โดยเฉพาะเบียร์สด มักจะนำแก้วไปแช่เย็นก่อนนำมาใช้งาน

Pusse Pafe Glass แก้วพัชชี่ พาร์เฟ่ หรือบางทีก็เรียกว่า Irish Glass แก้วไอริส หรือToddy Glass แก้วท็อดดี้ มีขนาด 10-16 ออนซ์ ตัวแก้วหนา มีหูจับ ก้นมีฐานรองรับ นิยมใช้ใส่ค็อกเทลสููตร Irish Coffee

 

Mule Mug แก้วมิลล์ มีขนาด12 ออนซ์ ทำมาจากทองแดง ช่วยเก็บความเย็นของเครื่องดื่มได้ดี นิยมใช้ใส่ค็อกเทลที่ผสมน้ำผลไม้ โดยเฉพาะสูตร Moscow Mule ของร้าน Cock’m’Bull Restaurant ในลอสแองเจอรีส์

Fancy Glass แก้วแฟนซี

มีหลายหลากรูปทรง ชื่อเรียกไม่แน่นอน ส่วนใหญ่จะเรียกชื่อแก้วตามรูปทรงของแก้วนั้นๆ

Julep Cup แก้วจูเล็ป มีขนาด 12-14 ออนซ์ ทำมาจากโลหะ มีทั้งแบบสีเงิน และสีทอง ช่วยกักเก็บความเย็นได้ดี ใช้ใส่ค็อกเทลสูตร Mint Julep

 

Tiki mug แก้วติกิ มีขนาด 14-22 ออนซ์ เป็นแก้วรูปทรงเฉพาะ เป็นเอกลักษณ์ ทำมาจากเซรามิค นิยมใช้ใส่เครื่องดื่มตามสไตล์ฮาวาย

 

Decanter Glass ดีแคนเตอร์ มีหลายขนาด เดิมใช้เป็นขวดใส่ไวน์เพื่อพักตะกอนไวน์ก่อนรินดื่มใส่แก้ว แบ่งออกเป็น

ขนาด 2–3 ออนซ์ ใช้ใส่นมสด

ขนาด 4-6 ออนซ์ ใช้ใส่เหล้า

ขนาด 6-8 ออนซ์ ใช้ใส่โซดาหรือน้ำอัดลม

ถ้าขนาด 1 ลิตร จะใช้ใส่พวกเหล้าปั่น บางทีก็เรียกว่า Kraft or Craft

 

Suppeme Glass แก้วสุพรีม คล้ายพานขนาดใหญ่ ใช้สำหรับใส่กับแก้ม พวก Snack ของทานเล่น ปัจจุบันไม่นิยมใช้แล้ว

Boot Glass แก้วบูท มีขนาด 16-18 ออนซ์ นิยมใช้ใส่เบียร์ในเยอรมัน เป็นแก้วที่ช่วยลดก๊าซในฟองเบียร์ได้ตลอดการดื่ม

Visitors: 4,613,195